สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังรัฐบาลสหรัฐและยุโรปประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี
รัฐบาลสหรัฐตั้งเป้าอัดฉีดเม็ดเงิน 1.25 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ธนาคารใหญ่ 9 แห่งในสหรัฐ เพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ในขณะเดียวกันสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ก็คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะขยายตัวช้าสุดในรอบ 15 ปีในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดสิงคโปร์ ปรับตัวสูงขึ้น 2.32 ดอลลาร์ หรือ 2.9% แตะ 83.51 ดอลลาร์/บาร์เรล และซื้อขายอยู่ที่ระดับ 83.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 10.59 น.ตามเวลาสิงคโปร์ โดย 2 วันที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นกว่า 7.5% ซึ่งถือว่ามากสุดในรอบ 3 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดังกล่าวทะยาน 3.49 ดอลลาร์ หรือ 4.5% แตะ 81.19 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวานนี้ ซึ่งถือว่าปรับเพิ่มมากสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อพิจารณาเป็นเปอร์เซนต์ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันตกลงกว่า 43% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา
"ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะฟันธงว่าอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์จะฟื้นตัวเมื่อใด เพราะของแบบนี้ต้องใช้เวลา" เท็ตสึ เอโมริ ผู้จัดการกองทุนจากบริษัท Astmax Ltd. ในโตเกียว กล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--