ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: แรงขายทำกำไรฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงปิดที่ $78.63

ข่าวต่างประเทศ Wednesday October 15, 2008 06:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) โดยราคาดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 79 ดอลลาร์/บาร์เรลเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันก่อน และเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงจะทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงลงด้วย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 2.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 2.93 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.53 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 8.13 เซนต์ ปิดที่ 2.882 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 3.28 เซนต์ ปิดที่ 1.8848 ดอลลาร์/แกลลอน

แอนดรู เลโบว์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท MF Global ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการบังคับใช้มาตรการฟื้นฟูระบบการเงินเบื้องต้นมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการฟื้นฟูมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ และจะเสนอมาตรการฟื้นฟูระบบการเงินเฟสที่ 2 คิดเป็นมูลค่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อให้สภาคองเกรสได้พิจารณาลงมติต่อไป ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของสหรัฐมีขึ้นหลังจากกลุ่มผู้นำยุโรปประกาศจัดสรรงบประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อปกป้องธนาคารในยุโรป

ตามมาตรการฟื้นฟูเบื้องต้นนั้น รัฐบาลจะใช้เม็ดเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์เข้าซื้อหุ้นบุริมสิทธ์ของ 9 ธนาคารยักษ์ใหญ่ ได้แก่ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, แบงค์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์, สเตทสตรีท คอร์ป,แบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป และเมอร์ริล ลินช์

"แต่นักลงทุนขานรับมาตรการอุ้มแบงค์ของสหรัฐได้ไม่นาน ก็เริ่มหันความสนใจไปที่กระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอยซึ่งจะฉุดความต้องการพลังงานลดลงด้วย รวมทั้งมีการวิเคราะห์บางมุมที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกยามนี้ไม่สามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลได้" เลโบว์กล่าว

ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบมาจากข่าวที่ว่า โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในพ.ศ. 2551-2552 ลงเหลือ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิมที่คาดไว้ระดับเดิมที่ 110 ดอลลาร์ และได้ปรับลดเป้าหมายราคาน้ำมันในช่วงสิ้นปีเหลือ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากระดับเดิมที่ 115 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตาดูกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ที่ประกาศจัดประชุมนัดพิเศษในวันที่ 18 พ.ย.นี้ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านการเงินทั่วโลกที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเคลื่อนไหวของโอเปคครั้งนี้ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า โอปคจะถือโอกาสลดเพดานการผลิต เพื่อสกัดกั้นการร่วงลงของราคาน้ำมัน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดี โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ