สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดระดับใหม่ในรอบ 13 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย
ทั้งนี้ ณ เวลา 08.54 น.ตามเวลาประเทศไทยในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ร่วงลง 2% แตะที่ 72.98 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 74.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ และการแสดงความคิดเห็นในด้านลบของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงกว่า 700 จุดเมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงถ้วนหน้าในช่วงเช้านี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ร่วงลง 1.2% แตะระดับ 3.755 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีพ.ศ.2548 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.7%
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) คาดการณ์ว่า ในปีหน้านั้นความต้องการพลังงานของกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจะมากกว่าปีนี้เพียง 400,000 บาร์เรลต่อวัน และคาดว่าความต้องการพลังงานในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาจะเพิ่มขึ้นราว 1.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากจีน ประเทศตะวันออกกลาง และอินเดีย
การประกาศลดคาดการณ์ของโอเปคมีขึ้นก่อนที่โอเปคจะจัดประชุมนัดพิเศษในวันที่ 18 พ.ย.นี้ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านการเงินทั่วโลกที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเคลื่อนไหวของโอเปคครั้งนี้ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า โอเปคจะถือโอกาสลดเพดานการผลิต เพื่อสกัดกั้นการร่วงลงของราคาน้ำมัน
นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดี โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล