สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์พุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สองหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ส่งสัญญาณปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันในสต็อกและสกัดกั้นความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันที่ดำดิ่งลงไปแล้ว 51% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 07.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์เคลื่อนไหวที่ระดับ 72.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ราคาดีดตัวขึ้นสูงสุด 1.34 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ไปแตะที่ 73.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่มีการซื้อขายที่ตลาด ICE ในกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.6% แตะที่ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ถีบตัวสูงขึ้น 2.6% แตะที่ 69.60 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ชาคิบ คาลิล ประธานกลุ่มโอเปคเปิดเผยว่า ประเทศสมาชิกอาจปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันเพื่อรักกษาเสถียรภาพของราคาที่กำลังร่วงลงเรื่อยๆ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐของสำนักงานคอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ดประจำเดือนก.ย.ที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้มีแนวโน้มร่วงลงเป็นเดือนที่สาม
เกวิน เวนด์ท นักวิเคราะห์จาก Fat Prophets Funds Management กล่าวว่า "ประเทศโอเปคหวังเพียงที่จะสกัดกั้นมิให้อุปสงค์น้ำมันซบเซาลง แต่เราก็ไม่คิดว่าราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงไปจากระดับนี้อีกมากนัก"
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มโอเปค หลังจากรัฐมนตรีโอเปคประกาศเลื่อนการประชุมฉุกเฉินให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 24 ต.ค.จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 18 พ.ย. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าโอเปคจะใช้การประชุมฉุกเฉินครั้งนี้เป็นโอกาสในการลดเพดานการผลิตลงอย่างน้อย 1 ล้านบาร์เรล