นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ซึ่งจัดหาน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลกกว่า 40% ของผลิตน้ำมันทั้งหมดทั่วโลก จะลดเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมฉุกเฉินวันที่ 24 ต.ค.นี้
โอเปคประกาศเลื่อนการประชุมฉุกเฉินให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 24 ต.ค.จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 18 พ.ย. ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า โอเปคจะใช้การประชุมฉุกเฉินครั้งนี้เป็นโอกาสในการลดเพดานการผลิตลงประมาณ 1 ล้านบาร์เรล หรือมากกว่า เนื่องจากรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคมีท่าทีวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยราคาน้ำมันดิบร่วงลงไปแล้วกว่า 40% นับตั้งแต่ที่ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตการเงินทั่วโลกส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจทั่วโลกลดการใช้พลังงาน
นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ และเมอร์ริล ลินช์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจร่วงลงอีก 44% หากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง
นายกาโล่ ชีริโบกา รองประธานของกลุ่มโอเปคกล่าวว่า "สภาคองเกรสสหรัฐไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินในสหรัฐ ถึงแม้ว่าสภาได้ผ่านความเห็นชอบในมาตรการแก้ไขวิกฤติการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์แล้วก็ตาม และขณะนี้กลุ่มโอเปคจะเริ่มประเมินสถานการณ์ในตลาดยุโรป ซึ่งหากการใช้น้ำมันยังลดลงอีก ก็มีแนวโน้มที่กลุ่มโอเปคจะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการผลิตน้ำมัน หลังตัดสินใจลดการผลิตวันละ 520,000 บาร์เรลในการประชุมเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา"
ฟรานเซสโก บลันช์ นักวิจัยด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากเมอร์ริล ลินช์ ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า "โอเปคส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะลดเพดานการผลิตน้ำมันหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงหลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะราคาน้ำมันที่ร่วงลงรุนแรงทำให้รายได้ของโอเปคลดลงด้วย"