กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) คาดปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีที่ระดับ 1-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในที่ประชุมฉุกเฉินคืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันที่กำลังดิ่งร่วงลงอย่างรุนแรง
จีน แมคกิลเลียน นักวิเคราะห์จากบริษัท Tradition Energy กล่าวว่า "การปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลง 1-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน อาจช่วยทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นได้ในระยะสั้นๆ ซึ่งหากที่ประชุมไม่ทำเช่นนั้น ราคาน้ำมันจะเริ่มเดินหน้าสู่ช่วงขาลงอีกครั้ง เนื่องจากระบบเศรษฐกิจยังอ่อนแอ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 53% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตสินเชื่อเริ่มขยายวงกว้างลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ขณะที่ยอดการปรับลดพนักงานเพิ่มขึ้นและการใช้จ่ายน้ำมันชะลอตัวลง ทั้งนี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า อุปสงค์น้ำมันใน 28 ประเทศจะปรับตัวลดลง 2.2% ในปีนี้
กลุ่มประเทศสมาชิกของโอเปคคาดว่า ที่ประชุมจะปรับลดกำลังการผลิต โดยนายราฟาเอล รามิเรซ รัฐมนตรีน้ำมันของเวเนซูเอลากล่าวกับผู้สื่อข่าววานนี้ว่า กลุ่มโอเปคจำเป็นต้องปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ด้านนายโกลัม ฮอสเซน โนซารี รัฐมนตรีพลังงานอิหร่านกล่าวว่า โอเปคจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันให้สอดคล้องกับอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัว โดยอิหร่านเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มโอเปค รองจากซาอุดิอาระเบีย
ทั้งนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นที่ซบเซากำลังส่งสัญญาณให้เห็นถึงความปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ขณะที่ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลกชะลอตัวหนักที่สุดในรอบ 5 ปีที่ 9% ในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้