สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในเช้าวันนี้ (27 ต.ค.) หลังจากที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนไม่มีปฏิกิริยาต่อมติของที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ที่ปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้
บรรยากาศการซื้อขายถูกปกคลุมด้วยกระแสความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกมากกว่า ซึ่งเทรดเดอร์มองว่า การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในระดับดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะสกัดกั้นการร่วงลงของราคาน้ำมันที่ดิ่งไปแล้วกว่า 56% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
ณ เวลา 07.20 น.ตามเวลาในประเทศไทย สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลง 5 เซนต์แตะที่ระดับ 64.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่อเนื่องจากระดับที่ร่วงลง 3.69 ดอลลาร์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่กรุงลอนดอนปิดขยับลง 20 เซนต์แตะที่ 61.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า "นักลงทุนยังมีความวิตกกังวลต่อภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเราไม่รู้ว่าภาวะดังกล่าวจะกินเวลายาวนานและจะถลำลึกลงมากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจที่รุนแรงในยุโรปและการลดคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทเอกชนรวมถึงการปรับลดการจ้างงาน ซึ่งล้วนแต่ยิ่งสร้างความหวั่นวิตกว่าทั่วโลกจะเผชิญภาวะถดถอยมากยิ่งขึ้น"
ปัจจัยลบเหล่านี้ยังคงมีอิทธิพลให้นักลงทุนเข้าซื้อขายในตลาดอย่างเหงียบเหงา หลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งนอกเหนือจากความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นแล้ว เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ยังมีส่วนทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลงด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังคงจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐจะประชุมเพื่อกำหนดนโยบายดอกเบี้ย ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.50%