สัญญาน้ำมัน NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือนในวันนี้ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าวิกฤตการณ์ด้านการเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก จะส่งผลให้ความต้องการพลังงานถดถอยลงด้วย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09.30 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนธ.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ร่วงลง 85 เซนต์ แตะระดับ 62.37 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 63.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
โจนาธาน คอร์นาเฟล นักวิเคราะห์จากบริษัท Hudson Capital Energy ในสิงคโปร์ กล่าวว่า นักลงทุนยังคงเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และกระทรวงพลังงานสหรัฐ พร้อมใจกันปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในปีนี้และปีหน้า และหลังจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียดิ่งลงติดต่อกัน 5 วันทำการ เพราะถูกกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงติดต่อกันหลายวัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสัญญาน้ำมันดิบแม้กลุ่มโอเปคตัดสินใจลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยโควต้าการผลิตใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ และถือเป็นการลดกำลังการผลิตครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันขยับลงไปมากกว่านี้
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายอาลี อัล-ไนมี รมว.น้ำมันของซาอุดิอาระเบีย ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ที่ประชุมตัดสินใจเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ด้านนายโมฮัมหมัด อัล-โอลาอิม รัฐมนตรีน้ำมันของคูเวตกล่าวว่าโควต้าใหม่จะลดลงจากระดับ 28.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันร่วงลง 57% นับตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.เมื่อราคาทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตวลงอย่างต่อเนื่องนั้นมาจากวิกฤตการเงินที่แผ่ขยายลุกลามไปยังภูมิภาคต่างๆของโลก การลดการจ้างงานที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และการบริโภคเชื้อเพลิงที่ชะลอตัว โดยทบวงพลังงานสากล (ไออีเอ) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมจะลดลง 2.2% ในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการทั่วโลกขยายตัวเพียง 0.5%