สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์พุ่งขึ้นเกือบ 4 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับฐานขึ้นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 800 จุดและรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคเปิดเผยว่า โอเปคอาจจัดประชุมอีกครั้งก่อนเดือนธ.ค.เพื่อพิจารณาเรื่องการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09.14 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ พุ่งขึ้น 3.98 ดอลลาร์ หรือ 6.3% แตะระดับ 66.71 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 62.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
เทตสึ อิโมริ นักวิเคราะห์จากบริษัท Astmax Ltd. กล่าวว่า "นักลงทุนทุ่มซื้อสัญญาน้ำมันดิบเดือนธ.ค.หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานปรับตัวสูงขึ้นและตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการที่โอเปคส่งสัญญาณว่าจะลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลงอีก"
โอเปคมีมติลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยโควต้าการผลิตใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ และถือเป็นการลดกำลังการผลิตครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันขยับลงไปมากกว่านี้
เมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบเดือนธ.ค.ที่ตลาดนิวยอร์กร่วงลงหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชน รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 38.0 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และร่วงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนตัวอยู่ที่ 52.0 จุด
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 24 ต.ค.จะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.5%