นายฮูโก ชาเวซ ประธานาธิบดีเวเนซูเอลาเปิดเผยว่า เวเนซูเอลาจะสนับสนุนกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอปค) ให้ลดปริมาณการผลิตลงอีก เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งการเปิดเผยครั้งนี้มีขึ้นหลังจากนายชาเวซได้เข้าประชุมร่วมกับนายราฟาเอล คอร์เรีย ประธานาธิบดีเอกวาดอร์
"ผมและประธานาธิบดีเอกวาดอร์มีความเห็นตรงกันว่าโอเปคควรลดการผลิตลงอีกเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน เราควรจะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก 1-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อสกัดกั้นราคาน้ำมันไม่ให้ร่วงลงไปมากกว่าเดือนที่แล้ว" ชาเวซกล่าว
ด้านนายอับดุลเลาะห์ ซาเล็ม เอลบาดรี เลขาธิการโอเปคกล่าวเมื่อวานนี้ว่า โอเปคจะจัดการประชุมฉุกเฉินอีกครั้งก่อนการประชุมตามหมายกำหนดการเดือนธ.ค. หากราคาน้ำมันยังร่วงลงอีก
เมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบเดือนธ.ค.ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 49 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 62.73 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชน รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 38.0 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และร่วงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนตัวอยู่ที่ 52.0 จุด
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเวเนซูเอลาและเอกวาดอร์ซึ่งเป็นสมาชิกโอเปคยอมรับว่า ราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องทำให้รายได้ของทั้งสองประเทศปรับตัวลดลง
ก่อนหน้านี้เดอร์ลิส พาลาซิออส รมว.กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของเอกวาดอร์เปิดเผยว่า เอกวาดอร์จะลดอัตราการลงทุนด้านการผลิตน้ำมัน และหันไปเพิ่มการลงทุนด้านการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ หลังจากโอเปคตัดสินใจลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อสกัดกั้นการร่วงลงของราคาน้ำมัน
พาลาซิออสกล่าวว่า "การที่โอเปคตัดสินใจลดปริมาณการผลิตในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมและทันท่วงที ในฝั่งเอกวาดอร์นั้น ทางรัฐบาลจะเริ่มหันไปมุ่งเน้นเรื่องการสำรวจน้ำมันและก๊าสธรรมชาติ และจะเพิ่มการลงทุนในด้านนี้ นอกจากนี้ เอกวาดอร์จะเลื่อนแผนการเพิ่มการผลิตน้ำมันออกไปเป็นปีหน้า และจะมุ่งเน้นเรื่องการสำรวจบ่อน้ำมันขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ITT ซึ่งตั้งอยู่ในป่าอเมซอน" สำนักข่าวซินหัวรายงาน