สัญญาน้ำมัน NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสามที่หดตัว 0.3% ซึ่งเป็นสถิติการร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี
ข้อมูลเศรษฐกิจที่เลวร้ายดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความวิตกกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันระลอกใหม่ โดยในวันนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทุกประเภทดำดิ่งลงถ้วนหน้าท่ามกลางความวิตกกังวลต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่การฟื้นตัวของเงินดอลลาร์ก็ยังเป็นปัจจัยลบที่กดดันให้ราคาน้ำมันตกต่ำลง
ณ เวลา 09.47 น. ตามเวลาในประเทศไทย สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลง 1.46 ดอลลาร์แตะที่ระดับ 64.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่อเนื่องจากระดับที่ร่วงลง 1.54 ดอลลาร์เมื่อวันก่อน ซึ่งในเดือนนี้ราคาน้ำมันร่วงลงไปแล้ว 35%
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ทะเลเหนือลดลง 1.30 ดอลลาร์สู่ระดับ 62.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์มองว่า ความวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาจะสร้างแรงกดดันต่อปริมาณการใช้น้ำมันที่จะเป็นปัจจัยลบต่อราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ อุปสงค์ที่ลดน้อยลงนั้นเป็นผลจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นก่อนหน้าที่วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างทุกวันนี้ โดยยอดการใช้น้ำมันในเดือนส.ค.ดิ่งลง 8.4% จากปีก่อนแตะที่ 19.267 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2544
นอกจากนี้ การส่งสัญญาณปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ก็ไม่ได้สร้างปฏิกิริยาต่อตลาดแต่อย่างใด โดยในวันนี้นายราฟาเอล รามิเรซ รัฐมนตรีน้ำมันและพลังงานของเวเนซูเอลา กล่าวว่าโอเปค จะพิจารณาลดปริมาณการผลิตน้ำมันอีกวันละ 1 ล้านบาร์เรลภายในเดือนธ.ค.นี้ หลังจากที่ทางกลุ่มพึ่งตัดสินใจลดโควต้าการผลิตถึง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา