ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 30 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร และได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่มีการซื้อขายในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 757.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 30.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 721.80-766.70 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 10.13 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 38.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวก 11.8 เซนต์ แตะที่ 1.9580 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 857.70 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 30.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 209.70 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 7.40 ดอลลาร์
จอห์น เนดเลอร์ นักวิเคราะห์จาก Kitco Bullion Dealers กล่าวว่า "ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กคึกคักมากหลังจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอีกหลายแห่งทั่วโลกจะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ"
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้น 305.45 จุด หรือ 3.28% แตะที่ 9,625.28 จุดเมื่อคืนนี้ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่มีการซื้อขายในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หรือนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2527 ซึ่งเป็นปีที่โรนัลด์ เรแกนด์ มีชัยชนะเหนือวอลเตอร์ มอนเดล ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี