ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอีกกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) โดยนักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบจนราคาดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง เนื่องจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจอาจถดถอยลงรุนแรงและยาวนาน ซึ่งจะฉุดความต้องการพลังงานลดลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 4.53 ดอลลาร์ หรือ 7% ปิดที่ 60.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8.8 เซนต์ ปิดที่ 1.336 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 11 เซนต์ ปิดที่ 1.942 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 4.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปีเตอร์ บูเทล นักวิเคราะห์จาก Cameron Hanover กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจนับตั้งแต่ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลงมากที่สุดในรอบ 6 ปีในเดือนต.ค. ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ระบุว่า ภาคบริการของสหรัฐหดตัวลง อย่างรุนแรงในเดือนต.ค.
ส่วนเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี ขณะที่บริษัทค้าปลีกหลายแห่งในสหรัฐเปิดเผยยอดขายที่ทรุดตัวลงรุนแรงสุดในรอบ 39 ปี
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐทำให้นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) เดือนต.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนต.ค.จะร่วงลงอีก 200,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 และคาดว่าดัชนีภาคการผลิตจะทรุดตัวลงรวดเร็วสุดในรอบ 7 ปี
อย่างไรก็ตาม สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงปี 2551-2558 และเชื่อว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นสูงกว่า 200 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในปี 2573
IEA คาดว่าบริษัทน้ำมันหลายแห่งอาจเผชิญอุปสรรคในการสูบน้ำมัน ขณะที่ผลผลิตน้ำมันปรับตัวลดลง โดยอุตสาหกรรมพลังงานได้ทุ่มเงินลงทุน 3.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อรับมือกับผลผลิตน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนักในบ่อน้ำมันหลายแห่ง และได้ดำเนินการสำรวจหาแหล่งน้ำมันอื่นๆเพื่อใช้ในการรองรับความต้องการน้ำมันจากประเทศจีนที่มีเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 1.5% แตะที่ 3% ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อวานี้ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะบรรเทาความเสียหายอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจถดถอย และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ระดับ 3.25% หลังจากเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนชะลอตัวลง
บารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ เตรียมให้การสนับสนุนผู้ผลิตเอธานอลที่ประสบภาวะขาดทุน ตามนโยบายเดิมของจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ต้องการให้ผู้ผลิตเชื้อเพลิงใช้เชื้อเพลิงชีวภาพอย่างน้อย 3.6 หมื่นล้านแกลลอนภายในปี พ.ศ.2565 ทั้งนี้ โอบามาให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตเอธานอลเท่ากับหรือมากกว่าที่รัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความช่วยเหลืออยู่ ซึ่งรวมถึงการงดเว้นภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภค
ปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตเอธานอลกำลังทรุดหนักจน วีร่าซัน เอเนอร์จี คอร์ป (VeraSun Energy Corp.) บริษัทผลิตเอธานอลรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลายต่อศาลเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นโยบายของบุชถูกวิจารณ์ว่าเป็นการทำลายสภาพแวดล้อม หนุนให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการจลาจลตั้งแต่ไฮติไปจนถึงอียิปต์ จนเพื่อนร่วมสมาชิกพรรครีพับลีกันอย่างน้อย 51 คนโดยการนำของริค เพอร์รี่ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ต้องออกมาเรียกร้องให้เขาผ่อนปรนนโยบายดังกล่าว