ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) หลังจากที่มีการเทขายสัญญาอย่างหนักในรอบสัปดาห์ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขว่างงานเดือนต.ค.ที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี รวมทั้งการคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ว่า ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ระดับ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในปี 2573
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 27 เซนต์ ปิดที่ 61.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 1 เพนนี ปิดที่ 1.3495 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 3.6 เซนต์ หรือ 1.85% ปิดที่ 1.9784 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 57.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า อัตราว่างงานเดือนต.ค.อยู่ที่ 6.5% โดยมีการปรับลดพนักงานอีก 240,000 ตำแหน่ง นับเป็นอัตราว่างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 14 ปี จนถึงขณะนี้ สหรัฐมีตัวเลขว่างงานแล้ว 1.2 ล้านตำแหน่ง
อัตราว่างงานดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆลดการใช้พลังงานลง
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานส่วนใหญ่เชื่อว่า ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องนี้จะยังไม่สิ้นสุดลง
สำนักงานพลังงานสากลได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันในช่วง 20 ปีข้างหน้า โดยอ้างถึงความต้องการน้ำมันที่สูงขึ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้น
ไออีเอได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันต่อบาร์เรลในปี 2573 ไว้กว่า 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์เมื่อปีที่แล้วที่ 108 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล