ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนประกาศใช้เมื่อวานนี้ ด้วยความคาดหวังว่ามาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นความต้องการพลังงานทั่วโลกปรับตัวขึ้นด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 59.10-65.56 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 2.72 เซนต์ ปิดที่ 2.0056 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ดีดขึ้น 1.84 เซนต์ ปิดที่ 1.3679 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
จิม ริทเทอร์บุช ประธานที่ปรึกษาด้านพลังงานของบริษัท Ritterbusch and Associates กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคับคั่งหลังจากรัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างที่อยู่อาศัยต้นทุนต่ำ, ถนน, ทางรถไฟ, สนามบิน และสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในเมือง ซึ่งมาตรการดังกล่าวซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของตัวเลข GDP จีนปีที่แล้ว และจะมีผลบังคับใช้จนถึงปีพ.ศ.2553
มาตรการดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการลดภาษีซื้อสินทรัพย์คงที่ อาทิ เครื่องจักร เพื่อกระตุ้นการลงทุน และคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทผลิตเครื่องจักรประหยัดต้นทุนได้ถึง 1.20 แสนล้านหยวน ทั้งนี้คาดว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะเป็นประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติอย่าง เจนเนอรัล อิเล็กทริก (GE) และคาเตอร์พิลลาร์
"มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนยังช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 200 จุดในช่วงเช้า ก่อนที่จะถอยลงมาปิดลบ 73.27 จุด หรือ 0.82% แตะที่ 8,870.54 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยและผลประกอบการเอกชน" ริทเทอร์บุชกล่าว
เจอร์รี่ โล นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน จะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายในตลาดให้คึกคึกขึ้น โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อกลุ่มบริษัทผลิตเหล็กกล้า บริษัทผลิตวัสดุก่อสร้าง และบริษัทการเงิน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียจะปรับลดการผลิตน้ำมันเดือนธ.ค.ลง 5% เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในการปรับลดการผลิต และข่าวที่ว่าโอเปคอาจจัดประชุมอีกครั้งก่อนเดือนธ.ค.เพื่อพิจารณาเรื่องการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก หลังจากที่โอเปคมีมติลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล