องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวว่า ราคาข้าวโพด ซึ่งดิ่งลงถึง 52% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ อาจดีดแรงขึ้นในปีหน้า เนื่องจากคาดว่าข้าวโพดจะเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ นอกจากนี้ แนวโน้มที่ว่าเกษตรกรลดการเพาะปลูกเพราะราคาข้าวโพดตกต่ำก็อาจเป็นสาเหตุที่หนุนให้ราคาข้าวโพดพุ่งทะยานในปีหน้าเช่นกัน
เดวิด เดวี นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสฝ่ายเศรษฐศาสตร์การพัฒนาและการเกษตรของ FAO กล่าวว่า เราอาจได้เห็นการผลิตลดลง ขณะที่ความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพกลับขยายตัวสูงขึ้น
ราคาข้าวโพดร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบปี ที่ 3.64 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตสินเชื่อทั่วโลกทำให้นักลงทุนแห่ขายโภคภัณฑ์เพื่อแลกเป็นเงินสด โดยก่อนหน้านั้น ราคาข้าวโพดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.9925 ดอลลาร์/บุชเชลเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. สืบเนื่องมาจากความต้องการอาหาร อาหารสัตว์ และเชื้อเพลิงชีวภาพปรับตัวสูงขึ้น และเนื่องจากราคาน้ำมันกระตุ้นให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาข้าวเจ้าและข้าวสาลีก็ทะยานขึ้นเช่นกัน ซึ่งกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อและเป็นชนวนเหตุให้เกิดการจลาจลในเฮติไปจนถึงไอวอรี่ โคสต์
นายเดวีเชื่อว่า สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวโพดรายใหญ่สุดของโลก จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตอีธานอลหลังจากที่นายบารัค โอบามา เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากจอร์จ ดับเบิลยู บุช โดยนายเดวีกล่าวว่าโอบามามีปัญหาต้องเร่งแก้ไขมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษบกิจ นโยบายด้านสุขภาพ และนโยบายด้านพลังงาน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่า ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐจะอยากมีเรื่องขัดแย้งกับบรรดาเกษตรกร
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐได้กำหนดเป้าหมายโดยขอให้ผู้ผลิตเชื้อเพลิงใช้เชื้อเพลิงชีวภาพอย่างน้อย 3.6 หมื่นล้านแกลลอนภายในปีพ.ศ. 2565 ขณะที่ VeraSun Energy Corp. ผู้ผลิตอีธานอลรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ พึ่งยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลายเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากโรงกลั่นไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ในขณะที่ราคาเชื้อเพลิงกลับลดลง