ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ราคาพืชผลร่วงตามตลาดหุ้น หลังเศรษฐกิจที่ซบเซาส่งผลให้นักลงทุนวิตกว่าความต้องการวัตถุดิบอาจลดลง
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้น เนื่องจากนักลงทุนถอนการลงทุนออกจากทั้งสองตลาด โดยตลอดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้หลังบริษัทหลายแห่งรายงานผลประกอบการณ์ไตรมาส 3 ที่ย่ำแย่เพราะการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง โดยเฉพาะ สตาร์บัคส์ คอร์ป และ โทลล์ บราเธอร์ส อิงค์
"ในช่วงนี้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้น ทั้งที่ปกติจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม" ริชาร์ด เฟลเตส รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์จาก MF Global ในชิคาโก้ กล่าว "ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์มีความเชื่อมโยงกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดังนั้นเมื่อตลาดหุ้นส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจยังชะลอตัวต่อเนื่อง นั่นหมายความว่าความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะลดลงตามไปด้วย"
อีกปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนคือการที่หุ้นของเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงหนักสุดในรอบ 65 ปี จนหลายฝ่ายเชื่อว่าทางบริษัทอาจถูกฟ้องล้มละลายหากยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนั้นเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ายังส่งผลให้ราคาสนค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงด้วย
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 9.25 เซนต์ ปิดที่ 3.7425 ดอลลาร์ต่อบุชเชล หลังร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 3.6025 ดอลลาร์ต่อบุชเชลในช่วงเช้า สัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค.ร่วง 32 เซนต์ ปิดที่ 9.16 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ส่วนสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 3.25 เซนต์ ปิดที่ 5.2325 ดอลลาร์ต่อบุชเชล