ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบทรงตัวในรอบสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวอเมริกันยังคงใช้พลังงานแม้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 500 จุด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 2.08 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 58.24 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 54.67-59.11 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวก 3.96 เซนต์ แตะที่ 1.8750 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวก 5.43 เซนต์ แตะที่ 1.3024 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 38 เซนต์ ปิดที่ 51.99 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 50.60-53.26 ดอลลาร์
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 7 พ.ย.ทรงตัวที่ 311.9 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 198.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล แตะระดับ 128.4 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่คาดว่าจะพุงขึ้น 800,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.7% เหลือเพียง 84.6%
เอดิสัน อาร์สตร็อง นักวิเคราะห์จาก Tradition Energy กล่าวว่า สต็อกน้ำมันดิบที่ทรงตัวสะท้อนให้เห็นว่าชาวอเมริกันยังคงใช้พลังงานแม้ในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบแม้ก่อนหน้านี้สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า ความต้องการพลังงานในสหรัฐอาจร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 5.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายปีในระดับสูงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2523 นอกจากนี้ EIA ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดสหรัฐและตลาดโลกสำหรับปีพ.ศ.2552 ด้วย
อาร์มสตร็องกล่าวว่า ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจจัดประชุมอีกครั้งก่อนเดือนธ.ค.เพื่อพิจารณาเรื่องการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก หลังจากที่โอเปคมีมติลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาดู การประชุมสุดยอดผู้นำเศรษฐกิจโลก หรือ G20 ที่กรุงวอชิงตันในวันเสาร์นี้ โดยนายแดน ไพรซ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ คาดการณ์ว่าที่ประชุมจะเห็นชอบให้ใช้มาตรการเฉพาะเจาะจงในการรับมือกับภาวะผันผวนในตลาดการเงินและยับยั้งเศรษฐกิจโลกถดถอย