ภาวะตลาดทองคำ NYMEX: ทองคำปิดร่วง $13.30 หลังนักลงทุนเทขายก่อนการประชุม G20

ข่าวต่างประเทศ Friday November 14, 2008 07:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 13.30 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำก่อนที่การประชุม G20 จะเริ่มต้นขึ้นในวันเสาร์นี้ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและปอนด์ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษและญี่ปุ่นเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 705.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 13.30 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 725.90-698.10 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 8.800 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 68.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.95 เซนต์ ปิดที่ 1.7250 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 813.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 12.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 213.95 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.05 ดอลลาร์

ร็อบ เคอร์ซาโคว์สกี้ นักวิเคราะห์จาก optionsXpress กล่าวว่า "นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำเดือนธ.ค.อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย โดยนักลงทุนคาดหวังว่าที่ประชุม G20 จะพิจารณาใช้มาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลก"

ราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาและทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,032.70 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงและราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น แต่ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำดิ่งลงไปแล้ว 31% เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น ราคาน้ำมันดิบร่วงลง และวิกฤตการณ์สินเชื่อส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย

อย่างไรก็ตาม ฮุสเซน อัลลิดินา นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้าราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงผลผลิตทองคำจากเหมือนทั่วโลกปรับตัวลดลง ต้นทุนการผลิตทองคำในเหมืองพุ่งสูงขึ้น และความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ