สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สองในวันนี้ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงจะบั่นทอนความต้องการน้ำมันในจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 และ 3 ของโลกตามลำดับ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 11.07 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 55.75 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันร่วงลงหนักสุด 1.44 ดอลลาร์หรือ 2.5% แตะที่ 55.60 ดอลลาร์/บาร์เรลภายหลังการซื้อขายตลาดนิวยอร์ก
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์งวดส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาด ICE ในกรุงลอนดอนปรับตัวลดลงหนักสุด 99 เซนต์หรือ 1.8% แตะที่ 53.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่ง ณ เวลา 11.07 น. ตามเวลาสิงคโปร์ น้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่ระดับ 53.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ญี่ปุ่นเผชิญภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2544 เนื่องจากผลผลิตมวลรวมภายในประเทศปรับตัวลดลง 0.1% ต่อปีในช่วงไตรมาสสาม หลังจากหดตัวลง 3.7% ในไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่ไชน่า เนชั่นเนล ปิโตรเลียม คอร์ป ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของจีนเปิดเผยว่า ความต้องการน้ำมันร่วงลงอย่างรุนแรงนับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากวิกฤตสินเชื่อทั่วโลก
"ตลาดกำลังอยู่ในภาวะขาลง" คลาเรนซ์ ชู เทรดเดอร์จากบริษัท Hudson Capital Energy ในสิงคโปร์กล่าวว่า "จีนเป็นตลาดน้ำมันรายใหญ่ ดังนั้นหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงก็จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อความต้องการน้ำมัน"
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะดีดตัวขึ้น 0.1% ในไตรมาสสาม ขณะที่ในปี 2550 ญี่ปุ่นมีปริมาณการใช้น้ำมัน 5.1 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนจีนมีปริมาณการใช้น้ำมันที่ระดับ 7.9 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดคาดการณ์ปริมาณการใช้น้ำมันประจำปี 2552 ลง 670,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะกระเตื้องขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 86.5 ล้านบาร์เรล/วัน