ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง เพราะกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกที่หดตัวลงจะทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย โดยเฉพาะเมื่อทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่าเศรษฐกิจภายในประเทศหดตัวลงเกินคาดในไตรมาส 3
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.95 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 56.75-54.95 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.08 เซนต์ ปิดที่ 1.7910 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 6.45 เซนต์ ปิดที่ 1.1746 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.93 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 52.04-56.15 ดอลลาร์
จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จาก Ritterbusch and Associates กล่าวว่า "กระแสความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลกถดถอยเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเทขาย ทั้งนี้เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าหากเศรษฐกิจโลกถดถอยลงก็จะฉุดรั้งความต้องการพลังงานให้ทรุดตัวลงด้วย
สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.4%ต่อปี ซึ่งรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.1% และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เนื่องจากภาคเอกชนและภาคครัวเรือนลดการใช้จ่ายลง
ฮิโรมิชิ ชิรากาว่า หัวหน้านักวิเคราะห์จากธนาคารเครดิต สวิส สาขากรุงโตเกียวกล่าวว่า "เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่หดตัวลงรุนแรงในไตรมาส 3 อาจบีบให้นายทาโร อาโสะ ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากยอดส่งออกสินค้าของญี่ปุ่นทรุดตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง และบริษัทญี่ปุ่นลดการจ้างงานและลดการลงทุน เราคาดว่าหากเศรษฐกิจโลกยังคงทรุดตัวลงยาวนานเช่นนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็จะถดถอยลงในระดับที่รุนแรงขึ้น"
ส่วนอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มความต้องการพลังงานถดถอยมาจากข่าวที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการน้ำมันดิบสำหรับปีพ.ศ.2552 ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูข่าวที่ว่ากลุ่มโอเปคเตรียมจัดประชุมฉุกเฉินวันที่ 29 พ.ย.ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อพิจารณาเรื่องการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก หลังจากที่โอเปคมีมติลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบ NYMEX จะร่วงลงจนถึงระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล และเชื่อว่ากลุ่มโอเปคจะไม่สามารถสกัดกั้นการร่วงลงของราคาน้ำมันได้ โดยทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จาก Citi Futures Perspective กล่าวว่า "นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบน้อยมากเพราะความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย บางคนอาจบอกว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่ราคาน้ำมันจะถอยลงไปอยู่ที่ 30 ดอลลาร์ แต่เราเชื่อว่าราคาจะร่วงลงไปจนถึงระดับนั้น"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล