ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดลบ 77 เซนต์ แตะ $53.62 หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งเกินคาด

ข่าวต่างประเทศ Thursday November 20, 2008 07:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 77 เซนต์เมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินความคาดหมาย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ)

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 77 เซนต์ ปิดที่ 53.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 54.25 53.62 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 51.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 1.107 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 1.7597 ดอลลาร์/แกลลอน

เอดิสัน อาร์มสตรอง นักวิเคราะห์จากบริษัท Tradition Energy กล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กซบเซาลงอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มถดถอยจะฉุดรั้งความต้องการพลังงานให้ลดลงด้วย โดยเฉพาะเมื่อทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมถึงตัวเลขการสร้างบ้านและดัชนีซีพีไอ"

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค.ร่วงลง 4.5% แตะระดับ 0.791 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งลดลงจากเดือนก.ย.ที่ระดับ 0.828 ล้านยูนิต

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีซีพีไอเดือนต.ค.ร่วงลง 1%ต่อเดือน ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการคำนวณดัชนีซีพีไอในปีพ.ศ.2490 และหากเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนีซีพีไอเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 3.7%ต่อปี เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ปีพ.ศ.2550 และเป็นสถิติรายปีที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี

ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.1% ต่อเดือน และเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2%ต่อปี เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ปีพ.ศ.2550

นอกจากนี้ นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 14 พ.ย.พุ่งขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล หรือ 0.5% แตะระดับ 313.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าระดับของปีที่แล้วอยู่ประมาณ 3.2% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล

ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล หรือ 0.3% แตะที่ 198.6 ล้านบาร์เรล แต่ยังต่ำกว่าระดับของปีที่แล้วอยู่ 1.3% และเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะพุ่งขึ้น 900,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและน้ำมันฮีทติ้งออยล์ ร่วงลง 1.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 126.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดจะขยับขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล

อาร์มสตรองกล่าวว่า "เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างหนักส่งผลให้หน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนแห่ปรับลดคาดการณ์ความต้องการพลังงาน รวมถึงสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ที่คาดการณ์ว่า ความต้องการพลังงานในสหรัฐอาจร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 5.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายปีในระดับสูงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2523 และข้อมูลของ MasterCard SpendingPulse ระบุว่า ความต้องการพลังงานในสหรัฐร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินทำให้ผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอย โดยปริมาณการใช้พลังงานในช่วงสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ระดับ 100,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 2.8%"



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ