สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ร่วงลงหลุดกรอบ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2548 ขณะที่อุปสงค์น้ำมันทรุดตัวลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
ราคาน้ำมันดิ่งลง 15% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสถิติร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือน 10 ต.ค. เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้บั่นทอนการขยายตัวของอุปสงค์ให้อ่อนตัวลงอย่างหนักในรอบ 23 ปี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 08.50 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนม.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 49.21 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันร่วงลงหนักสุด 87 เซนต์ หรือ 1.8% แตะที่ 48.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์งวดส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาด ICE ในกรุงลอนดอนวานนี้ร่วงลง 3.64 ดอลลาร์ หรือ 7% ปิดที่ระดับ 48.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนวันที่ 20 พ.ค. 2548 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนธ.ค.ซึ่งครบกำหนดส่งมอบเมื่อวานนี้ดิ่งลง 4.68 ดอลลาร์ หรือ 8.7% แตะที่ 49.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
"ตลาดเคลื่อนไหวท่ามกลางกระแสความหวั่นวิตก โดยแนวโน้มเศรษฐกิจโลกซบเซาเป็นปัจจัยที่บั่นทอนอุปสงค์น้ำมันให้ร่วงลงอย่างรุนแรง" โทบี้ ฮาสเซลล์ นักวิเคราะห์จาก Commodity Warrants Australia กล่าว "ตลาดหุ้นเป็นมาตรวัดภาวะเศรษฐกิจและขณะนี้ตลาดกำลังซึมซับช่วงขาลง"
ทั้งนี้ ทั่วโลกกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจซบเซากันถ้วนหน้า โดยญี่ปุ่น ซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกมีแนวโน้มหดตัวลงในปีนี้และปีหน้า ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตภาคการเงินเมื่อ 10 ปีก่อน
ขณะเดียวกันสิงคโปร์ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ และคาดว่าเศรษฐกิจอาจหดตัวในปีหน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายใช้มาตรการต่างๆมากขึ้น เพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจเผชิญช่วงขาลงที่ยืดเยื้อยาวนาน
ด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะขยายตัวช้าสุดในรอบ 23 ปี พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในปีหน้าลงอีก 670,000 บาร์เรล/วัน เหลือเพียง 86.5 ล้านบาร์เรล/วัน