ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหกวันเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) อันเป็นผลมาจากการที่โอเปคลดการผลิตและรัฐบาลประเทศต่างๆเดินหน้าแผนฟื้นฟูการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ปิโตรโลจิสติกส์ จำกัด เผยว่า อุปทานน้ำมันของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะลดลง 3.8% ในเดือนนี้ เหลือ 30.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับในเดือนต.ค.ที่ระดับ 32.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากประเทศสมาชิกเริ่มลดการผลิตตามที่ทางกลุ่มได้บรรลุข้อตกลงในการประชุมฉุกเฉินเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา และโอเปคจะประชุมกันอีกครั้งที่กรุงไคโรในสัปดาห์หน้าเพื่อหารือเกี่ยวกับการลดการผลิตเพิ่มโดยหวังว่าจะสามารถพยุงราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่องได้
ขณะเดียวกัน รัฐบาลหลายประเทศยังคงพยายามประกาศใช้มาตรการใหม่ๆ เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจที่ตกต่ำ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นกล่าวว่าจะพิจารณาอัดฉีดเงินเข้าระบบมากขึ้น ด้านสหภาพยุโรป (อียู) ก็กำลังจัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกันสำหรับ 27 ชาติสมาชิก โดยโฮเซ บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าววานนี้ว่า คณะกรรมาธิการฯจะประกาศแผนกระตุ้นการคลังในสัปดาห์หน้า ซึ่งแต่ละประเทศสมาชิกก็จะใช้มาตรการที่แตกต่างกันไปตามแต่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจของตน
"ทุกคนกำลังเจอพิษวิกฤตเล่นงาน และต่างก็ต้องการการรักษา แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับยาขนานเดียวกัน" บาร์โรโซกล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ขยับขึ้น 51 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 49.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ในระหว่างวันได้ร่วงลงแตะ 48.25 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบสามปีนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2548
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 49.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ไต่ขึ้น 5.73 เซนต์ หรือ 5.7% ปิดที่ 1.0643 ดอลลาร์/แกลลอน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่มากที่สุดนับแต่วันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.ดีดขึ้น 2.37 เซนต์ ปิดที่ 1.6996 ดอลลาร์/แกลลอน
ทั้งนี้ สมาชิก 13 ประเทศของกลุ่มโอเปคจะประชุมร่วมกันที่กรุงไคโรในสัปดาห์หน้า