ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจีดีพีหดตัวลงเกินคาดในไตรมาส 3 นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่ามาตรการต่างๆที่สหรัฐประกาศใช้จะสามารถยับยั้งเศรษฐกิจถดถอยและคลี่คลายวิกฤตการณ์การเงินในขณะนี้ได้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 3.73 ดอลลาร์ หรือ 6.84% ปิดที่ 50.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 50.52-54.66 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8.56 เซนต์ ปิดที่ 1.6988 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.76 เซนต์ ปิดที่ 1.0949 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 3.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.35 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 50.10-53.86 ดอลลาร์
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนัก หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.5% มากกว่าที่คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.3% ซึ่งเป็นผลจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง
เดวิด มอร์ นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก Commonwealth Bank กล่าวว่า นักลงทุนไม่มั่นใจในทิศทางเศรษฐกิจและมาตรการต่างๆที่รัฐบาลสหรัฐประกาศใช้ โดยล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดที่อยู่อาศัยและเพิ่มการปล่อยกู้ให้กับผู้บริโภค มูลค่ารวม 8 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแผนการล่าสุดของเฟดครอบคลุมถึงการที่เฟดจะซื้อหนี้และหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนองมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของสินเชื่อเพื่อการจำนอง อีกทั้งอัดฉีดเงินกู้สำหรับนักศึกษา เงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์ และบัตรเครดิต
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจเข้าลงทุนจำนวน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในธนาคารซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการช่วยเหลือธนาคาร โดยมีเงื่อนไขว่ากระทรวงการคลังและบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง (FDIC) จะเข้าถือหุ้นบุริมสิทธิ์ของซิตี้กรุ๊ป และจะคุ้มครองผลขาดทุนของพอร์ตเงินกู้และหลักทรัพย์มูลค่าราว 3.06 แสนล้านดอลลาร์ในงบดุลบัญชีของซิตี้กรุ๊ป นอกจากนี้ เฟดจะยื่นมือช่วยเหลือในด้านการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม ผ่านทางการเสนอเงินกู้แบบ non-recourse
นักลงทุนจับตาดูการประชุมฉุกเฉินของกลุ่มโอเปคในวันเสาร์ที่ 29 พ.ย.ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อพิจารณาเรื่องการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก หลังจากที่โอเปคมีมติลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 21 พ.ย.จะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล