กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 21 พ.ย. พุ่งขึ้น 7.3 ล้านบาร์เรล หรือ 2.3% แตะระดับ 320.8 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล และสูงกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วประมาณ 6.2%
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล หรือ 1% แตะระดับ 200.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 700,000 บาร์เรล และแต่ยังต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วประมาณ 2.8% และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 200,000 บาร์เรล แตะระดับ 126.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งยังน้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 1 ล้านบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า ความต้องการพลังงานในสหรัฐอาจร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 5.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายปีในระดับสูงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2523 นอกจากนี้ EIA ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดสหรัฐและตลาดโลกสำหรับปีพ.ศ.2552 ด้วย
สต็อกน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย สำนักข่าวเอพีรายงาน