ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบพุ่ง $3.67 ปิดที่ $54.44 รับแผนเศรษฐกิจ"โอบามา"

ข่าวต่างประเทศ Thursday November 27, 2008 06:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) แม้กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินความคาดหมาย โดยปัจจัยที่กระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบมาจากข่าวการเปิดเผยแผนเศรษฐกิจของบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 3.67 ดอลลาร์ หรือกว่า 7% ปิดที่ 54.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 8.49 เซนต์ ปิดที่ 1.1798 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 3.79 เซนต์ ปิดที่ 1.7367 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 3.57 เซนต์ ปิดที่ 53.95 ดอลลาร์/บาร์เรล

คาเมรอน ฮาโนเวอร์ นักวิเคราะห์จาก Daily Energy Hedger กล่าวว่า ในช่วงเช้านั้นสัญญาน้ำมันร่วงลงหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินความคาดหมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย แต่ต่อมาสัญญาน้ำมันเริ่มดีดตัวขึ้นเมื่อนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ หลังจากโอบามาเปิดเผยแผนเศรษฐกิจที่ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้

ทั้งนี้ โอบามาได้แถลงแผนเศรษฐกิจระยะ 2 ปีซึ่งมีมูลค่าอย่างน้อย 5 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะลดกระแสความวิตกกังวลและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ อีกทั้งวางแผนที่จะ "ยกเครื่อง" งบประมาณการใช้จ่าย ด้วยการตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออกไป และกระตุ้นการจ้างงานให้ได้ 2 ล้านตำแหน่งภายในปีพ.ศ.2553 โดยโอบามามีแนวคิดว่า การกระตุ้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการควบคุมงบประมาณการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง จะเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากระยะ 1ปีลง 1.08 % ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปีอยู่ที่ 5.58% และ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีอยู่ที่ 2.52 % โดยจีนเร่งผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพื่อปกป้องเศรษฐกิจจากวิกฤติการเงินโลก โดยจีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางจีนยังได้ประกาศปรับลดสัดส่วนเงินฝากที่ธนาคารจำเป็นต้องกันสำรองไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ธนาคารมีเงินมากขึ้นในการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจที่ได้รับความเสียหายจากการร่วงลงของยอดส่งออกและจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ จีนได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองสำหรับธนาคารขนาดใหญ่ลง 1% และสำหรับ ธนาคารขนาดเล็กลง 2%

กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 21 พ.ย. พุ่งขึ้น 7.3 ล้านบาร์เรล หรือ 2.3% แตะระดับ 320.8 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล และสูงกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วประมาณ 6.2%

ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล หรือ 1% แตะระดับ 200.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 700,000 บาร์เรล และแต่ยังต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วประมาณ 2.8% และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 200,000 บาร์เรล แตะระดับ 126.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งยังน้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 1 ล้านบาร์เรล

นักลงทุนจับตาดูการประชุมฉุกเฉินของกลุ่มโอเปคในวันเสาร์ที่ 29 พ.ย.ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อพิจารณาเรื่องการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก หลังจากที่โอเปคมีมติลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ