สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ร่วงลง 1.2% ในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลกที่ถดถอยลงจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมฉุกเฉินของกลุ่มโอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนม.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ร่วงลง 65 เซนต์ หรือ 1.2% แตะที่ 53.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะเปิดฉากการประชุมฉุกเฉินในวันเสาร์ที่ 29 พ.ย.ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อพิจารณาเรื่องการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก หลังจากที่โอเปคมีมติลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา
มูฮัมหมัด อาลี คาทิบี เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านพลังงานของอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านกำลังเจรจากับกลุ่มโอเปคให้ลดการผลิต โดยสมาชิกโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันได้มากกว่า 1 ใน 3 ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลกนั้น ต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ระดับ 70-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นอย่างต่ำ ซึ่งหากราคาต่ำลงกว่านี้ ก็อาจทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันได้รับผลกระทบ
คริส จาร์วิส นักวิเคราะห์จากบริษัท Risk Management LLC กล่าวว่า วิกฤติเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ และไม่ค่อยให้น้ำหนักกับคำขู่ของโอเปคที่จะลดปริมาณการผลิตในการประชุมพรุ่งนี้ โดยกระแสความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยมีขึ้นนับตั้งแต่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.5% มากกว่าที่คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.3% และเป็นสถิติที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีพ.ศ.2544 ซึ่งเป็นผลมาจากผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอย
มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐเดือนพ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 55.3 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 57.6 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 57.7 จุด ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น รายได้ที่ลดลง และราคาบ้านที่ตกต่ำลง