ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นแค่ 1 เพนนีเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) หลังจากที่ตลาดเปิดทำการซื้อขายในช่วงสั้นๆหลังวันหยุดของคุณพระเจ้าในสหรัฐ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปคออกมาให้ข่าวที่มีลักษณะปนเปกันไปเกี่ยวกับการลดการผลิตน้ำมัน ก่อนที่จะมีการประชุมในเดือนธ.ค.นี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ปิดขยับลงแค่ 1 เพนนี ปิดที่ 54.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่เคลื่อนตัวอย่างผันผวนมาตลอดสัปดาห์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นไม่ถึง 1 เพนนี ปิดที่ 1.2096 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.อ่อนตัวลง 3.335 เซนต์ ปิดที่ 1.7271 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.บวก 36 เซนต์ ปิดที่ 53.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
จิม ริตเตอร์บุช ประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานอย่างริตเตอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า เมื่อต้นสัปดาห์ ตลาดเคลื่อนตัวผันผวนมาก โดยเมื่อวันจันทร์ราคาน้ำมันดิบพุ่ง 9% ขณะที่เมื่อวันอังคารร่วงลงไป 7% และดีดตัวขึ้นมากกว่า 7% เมื่อวันพุธ และตลาดปิดทำการเมื่อวันพฤหัสบดีเนื่องในวันหยุดขอบคุณพระเจ้า พอมาวันศุกร์ตลาดก็เลยปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาสัปดาห์นี้ชี้ให้เห็นถึงภาวะถดถอยรุนแรงในสหรัฐในไตรมาส 4 อีกทั้งยังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการขยายตัวทั่วโลกที่ชะลอตัวลงทำให้ราคาน้ำมันไม่ปรับตัวขึ้นมากไปกว่านี้
โจนาธาร คอร์นาเฟล ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของฮัดสัน แคปิตอล เอ็นเนอร์จี กล่าวว่า ความต้องการน้ำมันจะยังคงลดลงต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้ตลาดยังไม่มีปัจจัยที่จะทำให้ดีดตัวขึ้น ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และอาจจะตกลงมาอยู่ที่ระดับ 40 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปคว่าจะลดโควต้าการผลิตน้ำมันหรือไม่ หลังจากที่รมว.โอเปคได้ออกมาปฏิเสธเรื่องการคาดการณ์ดังกล่าว