นักวิเคราะห์กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ประสบล้มเหลวในการสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมัน แม้โอเปคตัดสินใจตรึงกำลังการผลิตไว้เท่าเดิมในการประชุมฉุกเฉินซึ่งมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับที่มีกระแสคาดการณ์ว่าโอเปคจะลดการผลิตเพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมัน
ชากิบ เคลิล รมว.พลังงานของอัลจีเรีย ในฐานะประธานกลุ่มโอเปค กลุ่มโอเปคกล่าวในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า โอเปคตัดสินใจคงกำลังการผลิตไว้เท่าเดิมจนกว่าจะถึงการประชุมเดือนธ.ค.ที่อัลจีเรีย โดยที่ประชุมเห็นชอบให้มีการดำเนินการใดๆเพิ่มเติมในวันที่ 17 ธ.ค. เพื่อรักษาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน และเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด
ในช่วงเช้าวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ร่วงลง 1.30 ดอลลาร์ แตะที่ 53.13 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากปิดขยับลง 1 เซนต์ มาที่ 54.43 ดอลลาร์/ บาร์เรล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์
"โอเปคก็ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เช่นเดียวกับพวกเราทุกคน" อดัม ซีมินสกี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านพลังงานจากดอยช์ แบงค์ เอจี กล่าว "ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่หนัก โอเปคมักลดกำลังการผลิตหลายครั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน" อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้โอเปคกลับไม่ยอมลดกำลังการผลิตทั้งที่ราคาน้ำมันร่วงลงแล้วกว่า 67%
นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบ NYMEX จะร่วงลงจนถึงระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล และเชื่อว่ากลุ่มโอเปคจะไม่สามารถสกัดกั้นการร่วงลงของราคาน้ำมันได้ โดยทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จาก Citi Futures Perspective กล่าวว่า "นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบน้อยมากเพราะความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย บางคนอาจบอกว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่ราคาน้ำมันจะถอยลงไปอยู่ที่ 30 ดอลลาร์ แต่เราเชื่อว่าราคาจะร่วงลงไปจนถึงระดับนั้น"
เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค ประกาศปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันปีหน้าลงเหลือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 90 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังหลายฝ่ายเชื่อว่าโอเปคไม่มีอำนาจพอที่จะหนุนตลาดอีกต่อไป เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันลดลงอย่างหนักในช่วงที่เศรษฐกิจโลกซบเซา สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน