ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักกว่า 40 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจที่ถดถอยลงจะส่งผลให้ความต้องการโลหะมีค่าทรุดตัวลงด้วย โดยกระแสความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐยืนยันว่า เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 776.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 42.20 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 820.00-768.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 9.38 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 85.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.85 เซนต์ ปิดที่ 1.6310 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 809.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 72.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 175.65 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 18.60 ดอลลาร์
สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐออกรายงานระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีพ.ศ.2550 และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญช่วงขาลงไปจนถึงกลางปีพ.ศ.2552 ซึ่งนับเป็นภาวะถดถอยที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในช่วงปีพ.ศ.2524-2525
จอห์น เนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco Bullion Dealers ในเมืองมอนทรีอัลกล่าวว่า รายงานที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในตลาดโลหะมีค่าและตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจที่ถดถอยจะฉุดรั้งความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ให้ร่วงลงด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.ร่วงลงอย่างหนักถึง 1.2% หลังจากทรงตัวในเดือนก.ย. และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขยับลงเพียง 1.0% และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตของโรงงานในสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับ 36.2 จุดในเดือนพ.ย.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2525 จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 38.9 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 37 จุด