พื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีทั่วโลกอาจร่วงลงถึง 3% ในปีหน้า หลังจากราคาร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ส่งผลกระทบต่ออัตราการบริโภคเนื้อสัตว์ และทำให้ความต้องการธัญพืชเพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ปรับตัวลดลง
เอียน ไวท์ ซีอีโอของ Canadian Wheat Board ซึ่งเป็นผู้ค้าข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดในโลกกล่าวว่า "ราคาข้าวสาลีที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้เกษตรกรต้องใช้ประโยชน์จากพื้นที่เพาะปลูกในทุกๆเอเคอร์ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยการจำนวนการปลูกข้าวสาลีในแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองรองจากสหรัฐอาจปรับตัวลดลงหนักถึง 5% จากระดับ 2.51 ล้านเอเคอร์ในปีนี้
อัตราการเพาะปลูกที่ลดลงจะทำให้ราคาข้าวสาลีมีความอ่อนไหวต่อปัญหาผลผลิตที่มีอยู่ในตลาด เนื่องจากปริมาณข้าวสาลีสำรองอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่าจำนวนข้าวสาลีในคลังสำรองจะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีในวันที่ กลางปีหน้า หลังจากที่คลังสำรองข้าวสาลีใน 5 ประเทศส่งออกสำคัญร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปี
ด้านสภาธัญพืชระหว่างประเทศคาดการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ยอดสั่งออกข้าวสาลีจากแคนาดาจะเพิ่มขึ้นเกือบ 18 ล้านตันจาก 15.8 ล้านตัน โดยคาดว่าคลังสำรองข้าวสาลีทั่วโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อนหน้านี้แตะที่ 15 ล้านตันในช่วงปลายเดือนมิย.2552 ซึ่งจะมีสัดส่วนคิดเป็น 23% ของปริมาณการผลิตทั่วโลก
นอกจากนี้ อุปสงค์ข้าวสาลีทั่วโลกมีแนวโน้มร่วงลง 1-3% ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ลดลงอาจกระตุ้นให้ผู้บริโภคปรับลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลง ซึ่งจะทำให้อุปสงค์ข้าวสาลีที่ใช้ผลิตเป็นอาหารสัตว์จะลดลงตามไปด้วย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 10.25 น. ตามเวลาในโตเกียว สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาด CBOT ลดลง 0.1% แตะที่ 5.275 ดอลลาร์/บุชเชล