สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกจะเผชิญภาวชะลอตัวรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
โดยในวันนี้สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐออกรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีพ.ศ.2550 ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ร่วงลงหนักสุดในรอบ 26 ปี ขณะที่น้ำมันปรับตัวลดลงหลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออน้ำมัน (โอเปค) จะตัดสินใจเรื่องการปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค.นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 15.23 น.ตามเวลาสิงคโปร์ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนม.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์เคลื่อนไหวที่ 47.66 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก 1.92 ดอลลาร์ หรือ 3.9% แตะที่ 47.36 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.2548
ขณะที่ ณ เวลา 15.22 น.ราคาน้ำมันดิบเบรนท์งวดส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาด ICE ในกรุงลอนดอนเคลื่อนไหวที่ 46.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงถึง 1.94 ดอลลาร์ แตะที่ 46.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
"สิ่งที่เราเห็นในขณะนี้คือการล่มสลายของภาวะเศรษฐกิจในอีกรูปแบบหนึ่ง" โจนาธาน คอร์นาเฟล นักวิเคราะห์จาก Hudson Capital Energy ในสิงคโปร์กล่าว "สถานการณ์ของราคาน้ำมันที่ลดลงสู่ระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่นักลงทุนจะเข้าช้อนซื้อ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีเหตุผลที่ตลาดจะกลับมาคึกคักเช่นกัน"
ด้านวิคเตอร์ ชุมนักวิเคราะห์จาก Purvin & Gertz Inc. กล่าวว่า "ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจรอบด้านประกอบกับความไม่ชัดเจนของทิศทางการตัดสินใจของโอเปค อาจทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในช่วงขาลงต่อไปอีก"