ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงมากกว่า 6% ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 46 เดือนหรือเกือบสี่ปี เมื่อคืนนี้ (4 ธ.ค.) จากการคาดการณ์ว่าอุปสงค์จะชะลอตัวลงอีกขณะที่เศรษฐกิจโลกใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทั่วโลก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 3.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2005
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 7.2 เซนต์ ปิดที่ 96.95 เซนต์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 7.49 เซนต์ แตะระดับ 1.5091 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 3.16 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันยังคงซบเซา เนื่องจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจเชิงลบยังคงปรากฏออกมาเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายอยู่แล้วในขณะนี้ จะย่ำแย่ลงอีก ส่งผลให้นักลงทุนทวีความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจที่ถดถอยรุนแรงจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานดำดิ่งลงตามไปด้วย
โดยวานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานเพิ่มขึ้นแตะ 4.09 ล้านคนในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ธันวาคม ปี 1982 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยยอดคำสั่งซื้อโรงงาน ร่วงลง 5.1% ในเดือนต.ค. ลดลงมากสุดนับแต่กรกฎาคม ปี 2000
ส่วนในยุโรปนั้น ตัวเลขอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจในยูโรโซนได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วในไตรมาสสามปีนี้ แม้ธนาคารกลางยุโรป รวมถึงธนาคารหลายประเทศในภูมิภาค ได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง เมื่อวานนี้ ก็ไม่สามารถช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ห้า โดยราคาน้ำมันดิบหดหายไปมากกว่า 100 ดอลลาร์ หรือ 70% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค คาดว่าราคาน้ำมันจะดิ่งลงต่ำกว่า 25 ดอลลาร์ ถ้าภาวะถดถอยยังคงแผ่ขยายเป็นวงกว้างและยาวนาน