ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาทองคำและถือเงินสดไว้ ขณะที่มีการเปิดเผยข้อมูลต่างๆที่ส่งสัญญาณมากขึ้นว่าเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่แล้วจะย่ำแย่ลงอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 5.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 765.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 763.00 - 790.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 7.0 เซนต์ ปิดที่ 9.520 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 8.5 เซนต์ ปิดที่ 1.4695 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 798.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 172.25 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดทองคำและตลาดโภคภัณฑ์อื่นๆในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ คือความกังวลที่ว่าความต้องการวัตถุดิบประเภทต่างๆจะลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐเข้าสู่ภาะถดถอยแน่นอนแล้ว โดยวานนี้ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า ประเทศยังคงเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งรวมถึงการที่หลายบริษัทประกาศเลย์ออฟพนักงาน อาทิ AT&T Inc. และ DuPont Co. ตลอดจนรายงานยอดขายร้านค้าปลีกประจำเดือนพ.ย.ที่น่าผิดหวัง ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ยังไม่แน่ว่าจะออกหัวออกก้อย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีวิตกกังวล ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าจะยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเสื่อมถอยในตลาดแรงงานเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยขนานใหญ่ของธนาคารกลางยุโรป และแบงก์ชาติอีกหลายประเทศในภูมิภาค กลับเป็นการกดดันบรรยากาศการซื้อขาย เนื่องจากมาตรการดังกล่าวเป็นการพิสูจน์ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆของโลกแล้ว
จอร์จ จีโร จาก RBC Capital Markets ในนิวยอร์กกล่าวว่า นักวิเคราะห์คาดกันว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักลงทุนสถาบันอื่นๆ ยังคงเทขายสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ถืออยู่ในมือเพื่อแลกเป็นเงินสดก่อนปีใหม่ และมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ความต้องการจะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือก่อนจะเข้าสู่ปี 2552