สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดออสเตรเลีย พุ่งขึ้น 1.33 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ หลังจากประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ส่งสัญญาณชัดเจนว่าโอเปคจะลดเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมสัปดาห์หน้านี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 10.13 น.ตามเวลาเมืองซิดนีย์ในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนม.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกในตลาดออสเตรเลีย พุ่งขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 3.3% แตะที่ระดับ 42.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
ชากิบ คาลิล ประธานกลุ่มโอเปคกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า "โอเปคอาจจำเป็นต้องลดเพดานการผลิตน้ำมันลงในปริมาณที่มากพอสมควร เพื่อสกัดกั้นราคาน้ำมันดิบไม่ให้ร่วงลงมากไปกว่านี้"
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกประจำปี 2552 ลงอีก 670,000 บาร์เรล/วัน หรือ 0.8% มาอยู่ที่ระดับ 86.5 ล้านบาร์เรล/วัน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ซึ่งการปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ IEA ได้ปรับลดแนวโน้มความต้องการน้ำมันประจำปีนี้ลงแล้วถึง 8 ครั้ง พร้อมทั้งปรับลดประมาณการณ์อุปสงค์น้ำมันประจำไตรมาสที่ 4 ลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบเดือนม.ค.ที่ตลาดนิวยอร์ก ร่วงลง 2.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 40.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2547 หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) เดือนพ.ย.ทำสถิติดิ่งลงหนักที่สุดในรอบ 34 ปีที่ระดับ 533,000 ตำแหน่ง และร่วงลงรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 320,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะที่ 6.7% จากระดับ 6.5% เมื่อเดือนต.ค.