ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 2.90 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ส่งสัญญาณว่าจะลดเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมสัปดาห์หน้า และหลังจากรัฐบาลในหลายประเทศพร้อมใจกันประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 9.62 เซนต์ ปิดที่ 96.18 เซนต์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.ดีดขึ้น 6.4 เซนต์ ปิดที่ 1.49 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 3.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ชากิบ คาลิล ประธานกลุ่มโอเปคกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า โอเปคอาจลดเพดานการผลิตน้ำมันลงในปริมาณที่มากพอสมควร เพื่อสกัดกั้นราคาน้ำมันดิบไม่ให้ร่วงลงมากไปกว่านี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจมีขึ้นในการประชุมโอเปคครั้งต่อไปวันที่ 17 ธ.ค.ที่ประเทศอัลจีเรีย
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกประจำปี 2552 ลงอีก 670,000 บาร์เรล/วัน หรือ 0.8% มาอยู่ที่ระดับ 86.5 ล้านบาร์เรล/วัน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ซึ่งการปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท เอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า ประธานโอเปคส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการลดเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งหน้าแน่นอน ซึ่งข่าวดังกล่าวกระตุ้นนักลงทุนให้กลับเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคับคั่ง หลังจากราคาดิ่งลงอย่างหนักเป็นเวลาหลายวัน โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าโอเปคจะลดเพดานการผลิตลงถึง 2 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่รัฐบาลในหลายประเทศประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเมื่อวานนี้ บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ วางแผนกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 เพื่อสร้างงานอย่างน้อย 2.5 ล้านตำแหน่งภายในปีพ.ศ. 2553 ขณะที่รัฐบาลจีนและอินเดียประกาศใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค.ในวันอังคาร ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่วันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนธ.ค.