องค์กรกาแฟสากล (International Coffee Organization) คาดการณ์ว่า ตลาดโลกอาจเผชิญภาวะผลผลิตกาแฟขาดตลาดสูงถึง 8 ล้านกระสอบในปี 2552-2553 เนื่องจากปริมาณการเก็บเกี่ยวผลผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศบราซิลที่ลดน้อยลง ขณะที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะกระตุ้นให้ราคากาแฟแพงขึ้นในอนาคต
โดยเมื่อวานนี้ ราคากาแฟอาราบิก้าพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีที่ระดับ 6.1% หลังจากที่รมว.เกษตรของบราซิลออกมาคาดการณ์ว่า ผลผลิตกาแฟอาจร่วงลงอย่างหนักถึง 22% ในปีหน้าเหลือเพียง 36 ล้านกระสอบ ขณะที่ราคากาแฟโรบัสต้าไต่ระดับขึ้น 4.3%
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัท Armajaro (USA) Inc. กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ราคากาแฟในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น และมองว่าหากปริมาณผลผลิตกาแฟร่วงลงเหลือเพียง 122-125 ล้านกระสอบจากระดับ 132.5 ล้านกระสอบ ปริมารการบริโภคกาแฟจะอยู่ที่ประมาณ 130 ล้านกระสอบ
อย่างไรก็ตาม เขาคาดว่า ทั่วโลกอาจมีปริมาณผลผลิตกาแฟส่วนเกินกว่า 4.5 ล้านกระสอบในปี 2551-2552 จากปริมาณการผลิตที่ 132.5 ล้านกระสอบ ขณะที่ปริมาณการบริโภคอยู่ที่ประมาณ 128 ล้านกระสอบ โดยชี้ว่าโคลัมเบียอาจมีผลผลิตกาแฟที่ 12.5 ล้านกระสอบ ส่วนผลผลิตกาแฟในเวียดนามจะไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากตลาดกาแฟยังอยู่ในภาวะที่กำลังเบ่งบานและผลผลิตกาแฟยังสร้างกำไรให้เกษตรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยคาดว่าผลผลิตกาแฟเวียดนามจะอยู่ที่ประมาณ 21 ล้านกระสอบ และในอีก 3 ปีข้างหน้าผลผลิตกาแฟจะเริ่มคงที่ในระดับ 18-20 ล้านกระสอบ
ด้านนีล รอสเซอร์ กรรมการผู้จัดการของ NKG Statistical Unit ในเครือบริษัท Neumann Kaffee Gruppe ชี้ว่า ผลผลิตกาแฟในบราซิลจะเริ่มคงที่มากกว่าที่จะขยายตัว ขณะที่ผลผลิตกาแฟในเวียดนามและโคลัมเบียจะมีการขยายตัวกว่าบราซิลมาก