สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 17.80 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นกว่า 10% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าแผนช่วยเหลือุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐจะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐหรือไม่
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 826.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 17.80 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 802.50-835.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 10.425 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 22.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.65 เซนต์ ปิดที่ 1.5120 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 845.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 184.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.55 ดอลลาร์
จอห์น แนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท คิทโก บุลเลียน ดีลเลอร์ส ในเมืองมอนทรีอัล กล่าวว่า "นักลงทุนทุ่มซื้อสัญญาทองคำอย่างคับคั่งหลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆและราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 10% อย่างไรก็ตาม ผมมองว่านักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำด้วยท่าทีที่หวังทำกำไรมากเกินไป โดยไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานในตลาดมากนัก"
นักลงทุนยังคงจับตาดูว่ามาตรการช่วยเหลือค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรี ซึ่งได้แก่ เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม),ไครสเลอร์ และฟอร์ด มอเตอร์ จะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐหรือไม่ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติมาตรการช่วยเหลือค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐเป็นวงเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ ด้วยการลงคะแนนเสียง 237-170
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16 ธ.ค. โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ลงสู่ระดับ 0.5%