สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงในวันนี้จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยนั้นจะกดดันให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดกำลังการผลิต
โดยราคาน้ำมันปรับตัวลดลงหลังจากที่พุ่งขึ้น 10% เมื่อวานนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายอาลี อัล-ไนมี รมว.น้ำมันของซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า ซาอุฯจะลดการผลิตน้ำมันให้กับกลุ่มประเทศโอเปค นอกจากนี้ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซาจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 9.28 น. สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนม.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกร่วงลง 1.24 ดอลลาร์ แตะที่ 46.92 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่พุ่งขึ้น 4.46 ดอลลาร์ หรือ 10.25% ปิดที่ 47.98 ดอลลาร์/บาร์เรลในตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกปีนี้จะลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2526 และยังได้ปรับลดแนวโน้มของความต้องการในปีหน้าลงด้วยเช่นกันโดยระบุว่า ปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกจะหดตัวลง 200,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.2%
นายอาลี อัล-ไนมี รมว.น้ำมันของซาอุดิอาระเบีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ผลผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับเป้าหมายของโอเปค โดยซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันในปริมาณ 8.493 บาร์เรล/วันในเดือนที่แล้ว ซึ่งปริมาณดังกล่าวใกล้กับโควต้าการผลิตที่กลุ่มโอเปคกำหนดไว้ที่ 8.477 บาร์เรล/วัน แต่น้อยกว่าที่สำนักงานพลังงานสากลได้คาดการณ์ไว้ถึง 287,000 บาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ โอเปคมีกำหนดเข้าประชุมกันในวันที่ 17 ธ.ค.ที่อัลจีเรีย เพื่อหารือถึงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก หลังจากที่ได้ปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรล/วันไปในการประชุมเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา