ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติไม่อนุมัติแผนให้ความช่วยเหลือบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันได้ หลังจากรัฐบาลสหรัฐและกระทรวงการคลังได้เตรียมหาทางช่วยเหลือบริษัทรถยนต์เหล่านี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 3.54% ปิดที่ 46.28 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 44.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 0.09 เซนต์ ปิดที่ 1.0777 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 1.32 เซนต์ ปิดที่ 1.4934 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 98 เซนต์ ปิดที่ 46.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท เอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบเดือนม.ค.ผันผวนอย่างหนักในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ โดยราคาดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 44.40 ดอลลาร์ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติไม่อนุมัติแผนการให้ความช่วยเหลือบริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยการโหวตลงคะแนน 52-35 เสียง แม้ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎสหรัฐมีมติผ่านแผนการดังกล่าวด้วยการลงคะแนนเสียง 237-170 ไปแล้วก็ตาม
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การที่วุฒิสภาสหรัฐตัดสินใจเช่นนี้อาจทำให้บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ เสี่ยงที่จะล้มละลาย ขณะที่ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐออกมาประเมินหลังจากวุฒิสภาคว่ำแผนดังกล่าวได้ไม่นานว่า จะมีคนตกงานทั้งสิ้น 2.5-3.5 ล้านคนในปีหน้าเนื่องจากการล้มละลายของบริษัทรถยนต์
ก่อนหน้านี้ ริค วาโกเนอร์ ซีอีโอจีเอ็มเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะตกต่ำจนถึงกับล่มสลาย หากรัฐบาลสหรัฐปล่อยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศล้มละลาย อีกทั้งจะส่งผลให้มีคนตกงานกว่า 3 ล้านคนในหน้า จากนั้นรายได้ส่วนบุคคลจะร่วงลงอย่างน้อย 1.50 แสนล้านดอลลาร์ และรัฐบาลจะต้องสูญรายได้จากภาษีถึง 1.56 แสนล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 3 ปี สถานการณ์ดังกล่าวจะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอยรุนแรงกว่าที่คาดคิด
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเดือนม.ค.ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้สำเร็จ หลังจากคณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช กล่าวว่า แม้การพิจารณาเรื่องร่างกฎหมายเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐในสภาคองเกรสได้จบลงแล้วในปีนี้ แต่คณะทำงานของบุชจะประเมินทางเลือกในหลายๆด้าน รวมถึงการนำเงินทุนในโครงการลดสินทรัพย์ที่มีปัญหาในอุตสาหกรรมรถยนต์ (TARP) มาช่วยเหลือบริษัทรถยนต์
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะร่วงลงแตะระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งตรงข้ามกับที่โกลด์แมน แซคส์เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 200 ดอลลาร์ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า โดยการคาดการณ์ของโกลด์แมน แซคส์ มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกจะหดตัวลง 200,000 บาร์เรล/วันในปีนี้
นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมโอเปคในวันที่ 17 ธ.ค.ที่ประเทศอัลจีเรีย หลังจากนายชากิบ คาลิล ประธานกลุ่มโอเปคกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้โอเปคอาจลดเพดานการผลิตน้ำมันลงในปริมาณมาก เพื่อสกัดกั้นราคาน้ำมันดิบไม่ให้ร่วงลงมากไปกว่านี้