ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 1.77 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย มากกว่าที่จะให้น้ำหนักกับกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจลดการผลิตน้ำมันในการประชุมวันพุธนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.77 ดอลลาร์ หรือ 3.82% ปิดที่ 44.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 44.24-50.05 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 3.33 เซนต์ ปิดที่ 1.4601 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 4.08 เซนต์ ปิดที่ 1.0369 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.81 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 44.25-49.96 ดอลลาร์
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท เอลารอน เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า "ความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ โดยแทบจะไม่ให้น้ำหนักกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าโอเปคเตรียมลดการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อมีข่าวว่าบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เตรียมปิดโรงงานประกอบรถยนต์แห่งใหม่ในมลรัฐมิสซิสซิปปี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ตกต่ำลง และรายงานที่ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากการค้าระหว่างประเทศซบเซาลง"
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปคซึ่งสามารถผลิตน้ำมันได้ในสัดส่วน 42% ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก จะลดการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 7.3% ในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดการผลิตครั้งใหญ่สุดในรอบ 10 ปี เพื่อสกัดกั้นราคาน้ำมันดิบไม่ให้ร่วงลงหนักไปกว่าปัจจุบัน
อาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบียระบุว่า ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก ได้ปรับลดการผลิตน้ำมันในเดือนพ.ย.ลงเหลือเพียง 8.493 บาร์เรล/วัน ซึ่งใกล้กับโควต้าการผลิตที่กลุ่มโอเปคกำหนดไว้ที่ 8.477 บาร์เรล/วัน นอกจากนี้ ปริมาณผลผลิตน้ำมันของซาอุในเดือนพ.ย.ยังน้อยกว่าที่สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ได้คาดการณ์ไว้ถึง 287,000 บาร์เรล/วัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลสต็อกน้ำมันซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐเตรียมเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยวันอังคารนี้ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.และวันพฤหัสบดี สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เตรียมเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ย.