สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 91 เซนต์เมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) แม้ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสมาชิกที่มีอิทธิพลที่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ระบุว่า โอเปคอาจจะลดการผลิตลงอีก 2 ล้านบาร์เรล/วันเพื่อยับยั้งการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ โดยปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบมาจากความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 91 เซนต์ ปิดที่ 43.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 42.56-46.53 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.ดีดขึ้น 0.02 เซนต์ ปิดที่ 1.4603 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.ขยับขึ้น 0.31 เซนต์ ปิดที่ 1.04 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 4 เซนต์ ปิดที่ 44.56 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 43.90-46.48 ดอลลาร์
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท เอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า "ความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยเป็นปัจจัยลบที่ยังคงฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบแม้ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักหลังจากที่เฟดประกาศลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ และแทบจะไม่ให้ความสำคัญกับการที่ซาอุดิอาระเบียออกมาส่งสัญญาณว่าโอเปคจะลดปริมาณการผลิตน้ำมัน"
เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.75-1.0% สู่ระดับ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 จากเดิมที่ระดับ 1.00% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ลงอีก 0.75% สู่ระดับ 0.50% จากเดิมที่ระดับ 1.25% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการปกป้องเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยในระดับที่ลึกและรุนแรง
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า โอเปค ซึ่งสามารถผลิตน้ำมันได้ในสัดส่วน 42% ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก จะลดการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 7.3% ในการประชุมวันพุธที่ 17 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดการผลิตครั้งใหญ่สุดในรอบ 10 ปี เพื่อสกัดกั้นราคาน้ำมันดิบไม่ให้ร่วงลงหนักไปกว่าปัจจุบัน
ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรลนับตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา ส่งผลให้รายได้การส่งออกของกลุ่มโอเปคทรุดตัวลงหนักที่สุดในรอบ 5 ปี โดยเอกวาดอร์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มโอเปคยอมรับว่าหากรายได้ของโอเปคลดลงอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้เอกวาดอร์ผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศ นอกจากนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, คูเวต และกาตาร์ ต้องการให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล เพื่อเสริมดุลบัญชีเดินสะพัดและงบประมาณการคลังให้แข็งแกร่งขึ้น
โอเปคได้ออกรายงานคาดการณ์เมื่อวานนี้ว่า ความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกจะลดลงอีก 700,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และจะลดลงอีกเป็น 2 เท่าในปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยลงทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย
ขณะที่ข้อมูลของ MasterCard SpendingPulse ระบุว่า ชาวอเมริกันลดการใช้น้ำมันเบนซินลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตัวเลขว่างงานในสหรัฐพุ่งสูงขึ้น จึงทำให้ประชาชนลดการใช้จ่ายและลดการใช้ยานยนต์ โดยในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 12 ธ.ค. ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินลดลง 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลสต็อกน้ำมันซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐเตรียมเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล