สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกในตลาดสิงคโปร์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า การที่โอเปคประกาศลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 2.46 ล้านบาร์เรล/วัน จนส่งผลให้โควต้าการผลิตน้ำมันของ 11 ประเทศสมาชิกลดลงมาเหลือ 24.845 ล้านบาร์เรล/วันนั้น อาจไม่มากพอที่จะกระตุ้นราคาน้ำมันให้ดีดตัวขึ้นได้ เนื่องจากปัจจุบันอุปสงค์น้ำมันปรับตัวลดลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา
ขณะเดียวกัน สำนักงานปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า อุปสงค์เชื้อเพลิงของสหรัฐในเดือนพ.ย.ร่วงลง 7.4% จากปีที่แล้วแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2541
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 9.00 น.ตามเวลาสิงคโปร์ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนม.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกเคลื่อนไหวแตะระดับ 39.75 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับที่ร่วงลงหนักสุด 2.2% แตะที่ 39.19 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาสัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลง 3.54 ดอลลาร์ หรือ 8% ปิดที่ 40.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE ในกรุงลอนดอนงวดส่งมอบเดือนก.พ.ปิดดิ่งลง 18 เซนต์หรือ 0.4% แตะที่ 45.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
"อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกร่วงลงหนักกว่าที่เราคาดการณ์" เคน ฮาเซกาว่า นักวิเคราะห์จากนิวเอจ กรุ๊ป ในญี่ปุ่นกล่าว "โอเปคปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลงมากกว่าที่เราคาดคิด แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไม่สามารถหนุนให้ราคาน้ำมันในตลาดกระเตื้องขึ้นได้ และราคาน้ำมันอาจดำดิ่งลงไปแตะระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล"
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐกล่าวว่าอุปทานน้ำมันไต่ระดับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 11 ในรอบ 3 เดือน
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 525,000 บาร์เรลแตะที่ 321.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลสู่ระดับ 204 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 12 ธ.ค. ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้น 2.94 ล้านบาร์เรลสู่ระดับ 133.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2550