สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียย่ำฐานทรงตัวในช่วงเช้านี้ หลังจากที่ร่วงลง 22% ในสัปดาห์นี้ ไปอยู่ต่ำกว่าระดับ 36 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2547 ท่ามกลางอุปสงค์น้ำมันที่ปรับตัวลดลงขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 10.48 น.ตามเวลาซิดนีย์ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนม.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกและครบกำหนดส่งมอบในวันนี้ขยับขึ้นเพียง 3 เซนต์แตะที่ 36.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบงวดส่งมอบเดือนก.พ.เดินหน้าขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 42.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
"ตลาดน้ำมันในขณะนี้มีอุปทานน้ำมันอยู่ล้นตลาด" อดัม ซีมินสกี้ นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank กล่าว "อย่างไรก็ตาม ตลาดมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้าและการที่โอเปคลดกำลังการผลิตจะเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน "
ด้านโรเบิร์ต อีเบล ประธานโครงการพลังงานและความมั่นคงแห่งชาติของศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาในวอชิงตันกล่าวว่า อุปสงค์น้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยสำคัญให้โอเปคต้องลดเพดานการผลิตน้ำมัน และหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นที่ประชุมโอเปคก็จะจัดประชุมและลดการผลิตอีกระลอก หลังจากที่เมื่อวานนี้โอเปคได้ปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลง 2.46 ล้านบาร์เรล/วัน จนส่งผลให้โควต้าการผลิตน้ำมันของ 11 ประเทศสมาชิกลดลงมาเหลือ 24.845 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ โอเปคระบุว่า ปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะร่วงลง 0.2% เหลือ 85.68 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะลดลง 0.5% แตะที่ 85.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะเดียวกันเจพีมอร์แกนได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยในปีหน้าอยู่ที่ระดับ 43 ดอลลาร์/บาร์เรลจากระดับ 69 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจนฉุดรั้งความต้องการด้านพลังงาน