ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) ขานรับความเคลื่อนไหวของทำเนียบขาวที่อนุมัติเงินกู้ฉุกเฉิน 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ขยับขึ้น 69 เซนต์ ปิดที่ 42.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนม.ค.ซึ่งครบกำหนดส่งมอบเมื่อวันศุกร์ร่วงลง 2.35 ดอลลาร์ปิดที่ 33.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ ปิดที่ 44 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปีเตอร์ บูเทล นักวิเคราะห์จากบริษัท Cameron Hanover ในคอนเน็กติกัตกล่าวว่า ตลาดมีปัจจัยบวกหลายด้านที่ช่วยหนุนให้การซื้อขายในวันนี้ค่อนข้างคึกคัก แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและความต้องการใช้น้ำมันที่ลดน้อยลงยังคงฉุดรั้งการซื้อขาย ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นได้ไม่มากนัก
ริทเทอร์บุช ประธานฝ่ายที่ปรึกษาด้านพลังงานจากบริษัท Ritterbusch and Associates กล่าวว่า ตลาดกำลังส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ในระยะนี้ตลาดจะยังเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ของอังกฤษกล่าวแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมสุดยอดด้านพลังงานที่กรุงลอนดอนว่า หากทั่วโลกไม่สามารถสร้างเสถียรภาพของราคาน้ำมันอาจทำให้เศรษฐกิจโลกเสียหายเป็นเงินหลายล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งนายอับดุลลาห์ เอล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ก็ออกมายอมรับถึงปัญหาดังกล่าว
"เรารู้ดีว่าราคาน้ำมันที่ผันผวนรุนแรงทั้งสูงเกินไปและต่ำเกินไปนั้นไม่เป็นผลดีต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค" เอล-บาดรีระบุ
โดยเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศโอเปคได้ลงมติปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลง 2.2 ล้านบาร์เรล/วันเพื่อหวังที่จะกระตุ้นราคาน้ำมันให้สูงขึ้นหลังจากที่ดิ่งลงไป 70% นับตั้งแต่เดือนก.ค.
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีหน้าลงมาอยู่ที่ระดับ 43 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 69 ดอลลาร์/บาร์เรล