กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 19 ธ.ค.ร่วงลง 3.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 318.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ของแพลท เอนเนอร์จี คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 135.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 207.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 700,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.6% แตระดับ 84.7%
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า ความต้องการพลังงานในสหรัฐอาจร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 5.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายปีในระดับสูงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2523 นอกจากนี้ EIA ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดสหรัฐและตลาดโลกสำหรับปีพ.ศ.2552 ด้วย
สต็อกน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย สำนักข่าวเอพีรายงาน