สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 36 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) หลังจากระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ชาวอเมริกันใช้พลังงานน้อยลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงตัวเลขว่างงาน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 3.63 ดอลลาร์ หรือ 9.31% ปิดที่ 35.35 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 35.13-39.69 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 12.87 เซนต์ ปิดที่ 1.1983 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 6.33 เซนต์ ปิดที่ 79.27 เซนต์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 3.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 36.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จากบริษัท ริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างต่อเนื่องเพราะนักลงทุนวิตกกังวลต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ยิ่งทำให้นักลงทุนมองว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ความต้องการพลังงานในสหรัฐลดน้อยลงด้วย
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 19 ธ.ค.พุ่งขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 207.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 700,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 135.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบร่วงลง 3.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 318.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ของแพลท เอนเนอร์จี คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า ความต้องการพลังงานในสหรัฐอาจร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 5.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายปีในระดับสูงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2523 นอกจากนี้ EIA ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดสหรัฐและตลาดโลกสำหรับปีพ.ศ.2552 ด้วย
นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างตกงานเพิ่มขึ้น 30,000 ราย แตะระดับ 586,000 รายในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 20 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 560,000 ราย นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.ร่วงลง 1% แต่ลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะดิ่งลง 2.9%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่ให้ความสนใจกับข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจจัดประชุมฉุกเฉินในวันที่ 19 ม.ค.ปีหน้า ที่ประเทศคูเวต ซึ่งเดิมกำหนดไว้ว่าจะจัดประชุมในวันที่ 15 มี.ค.ปีหน้า ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อหารือเรื่องแนวทางการสกัดกั้นราคาน้ำมันไม่ให้ร่วงลงรุนแรง
ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของโอเปคมีขึ้นหลังจากรัฐมนตรีพลังงานกลุ่มโอเปคมีมติลดกำลังการผลิตลง 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือลดลง 9% ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีพ.ศ.2552 ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันของ 11 ประเทศสมาชิกโอเปคลดลงเหลือเพียง 24.845 ล้านบาร์เรล/วัน