สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 10 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องแม้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักและทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 848.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 9.90 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 835.40-849.60 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 10.35 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 9.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 0.7 เซนต์ ปิดที่ 1.2740 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 859.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 12.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 174.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.20 ดอลลาร์
สตีเฟน ชอร์ค นักวิเครราะห์จากบริษัท อาร์เชอร์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กล่าวว่า "ความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเทศร่วงลงอย่างหนัก รวมถึงราคาน้ำมันดิบ แต่ราคาทองคำสามารถสวนกระแสการร่วงลงได้ เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ทั้งนี้ก็เพราะเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงทำให้สัญญาทองคำมีมูลค่าถูกลง ซึ่งจูงใจให้นักลงทุนเข้าซื้ออย่างหนาแน่น"
นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้าราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงผลผลิตทองคำจากเหมือนทั่วโลกปรับตัวลดลง, ต้นทุนการผลิตทองคำในเหมืองพุ่งสูงขึ้น และความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้น