สัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าอาจดีดตัวแตะ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า หลังโอเปคลดกำลังการผลิตมากเป็นประวัติการณ์เพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่ทรุดหนักสุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 33 ท่านซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยว่า ราคาน้ำมันอาจเพิ่มขึ้นราว 50% จากระดับปิดเมื่อวานที่ 40.02 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยการที่โอเปคลดกำลังการผลิตลง 14% หรือ 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวันโดยเฉลี่ย จะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐลดลง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 10% เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2526
ในขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.ที่ 147.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ผู้บริโภคในสหรัฐ ญี่ปุ่น และเยอรมนี ก็เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี โดยราคาน้ำมันที่ร่วงลงส่งผลให้การลงทุนด้านการขุดเจาะน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมัน และพลังงานทางเลือกลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดวิกฤตพลังงานในภายหลังได้
"เมื่อเราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ราคาน้ำมันขั้นต่ำน่าจะอยู่สูงกว่าระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล" ซาราห์ เอเมอร์สัน กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเนอร์จี ซีเคียวริตี้ อนาไลซิส อิงค์ ในแมสซาชูเซทท์ กล่าว "ภายในฤดูร้อนปีหน้าสถานการณ์ต่างๆ น่าจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว"
ราคาสัญญาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของปีนี้อยู่ที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่มีการเริ่มซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์คเมื่อปี 2526 แม้ในช่วงครึ่งหลังของปีราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆจะลดลงอย่างหนัก หลังภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซาอันเนื่องมาจากวิกฤตสินเชื่อครั้งใหญ่ที่ทำให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่ทั่วโลกได้รับความสูญเสียกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน